การล้างรถด้วยตัวเอง มีประโยชน์ ข้อดี กว่าการเข้าคาร์แคร์อย่างไร
สำหรับคนรักรถ การดูแลทำความสะอาด การล้างรถ ถือเป็นการดูแลรถ ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน และยังเป็นการตรวจดูความปลอดภัยอีกด้วย ยิ่งโดยเฉพาะรถที่ใช้งานทุกวัน ยิ่งไม่ควรปล่อยให้สิ่งสกปรกต่างๆ มาเกาะจนเลอะ โดยเฉพาะคราบน้ำมัน คราบดินที่มาพร้อมความชื้น เพราะอาจส่งผลให้เกิดสนิมและเกิดรอยขีดข่วนบนผิวรถได้ มาดูกันว่าหากจะล้างรถด้วยตัวเองให้สะอาด ต้องทำอย่างไรบ้าง
1. เริ่มทำความสะอาดจากส่วนบนของรถก่อน
หลายคนอาจสับสนว่าการจะทำความสะอาดรถ ควรเริ่มจากส่วนบนหรือล่างก่อนดี ก่อนอื่น อยากให้ลองจินตนาการว่าหากรถเป็นเหมือนบ้าน 2 ชั้น ก็ต้องขึ้นไปกวาดฝุ่นชั้นบนลงมาก่อน เพื่อให้ชั้นบนสะอาดและเก็บกวาดชั้นล่างให้เรียบร้อย ตัวบ้านก็จะสะอาดทั้งหลัง ซึ่งการล้างรถก็เช่นเดียวกัน ก่อนอื่น ก็ต้องเริ่มจากการทำความสะอาดบนตัวรถก่อนที่จะไล่ลงมาด้านล่าง แต่มีข้อควรใส่ใจอีกนิดคือ ควรใช้ผ้ามากกว่า 1 ผืน เพื่อเช็ดทำความสะอาด เพื่อให้ตัวรถบริเวณที่เช็ด มีความสะอาดอย่างแท้จริง หากใช้ผ้าผืนเดียวก็ยิ่งทำให้จุดที่ทำความสะอาดนั้นอาจมีคราบสกปรกต่างๆ หลงเหลืออยู่ และยิ่งมีผ้าผืนที่ 2 หรือ 3 จะยิ่งเป็นการดี เพราะจะทำให้การเช็ดถูได้อย่างสะอาดมากขึ้น
2. เมื่อเริ่มต้นล้าง ควรล้างจากล้อรถก่อน
แม้ข้อแรกจะแนะนำให้ทำความสะอาดจากตัวรถด้านบนลงมาด้านล่างก่อน แต่ก็ยังมีจุดยกเว้นคือ ในส่วนของล้อรถ เพราะเป็นส่วนที่จะต้องล้างก่อน เนื่องจากล้อเป็นจุดที่สัมผัสกับฝุ่น ดิน และสิ่งสกปรกต่างๆ ที่ติดมาด้วย หากล้างล้อรถในขั้นตอนท้ายๆ อาจทำให้น้ำที่จากการล้างกระเด็นไปที่บริเวณตัวรถ กลายเป็นว่าตัวรถหรือบริเวณอื่นๆ เกิดคราบต่างๆ ตามมา สุดท้ายก็ไม่ได้สะอาดอย่างที่ตั้งใจไว้เลยนั่นเอง
3. ควรใช้น้ำอุณหภูมิปกติในการล้างรถ
การใช้น้ำอุ่นในการล้างรถไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องทีเดียวนัก เพราะนอกจากจะเป็นการเสียเวลาแล้ว ก็ไม่ได้ช่วยให้รถสะอาดมากไปกว่าการใช้น้ำในอุณหภูมิปกติแต่อย่างใดเลย ดังนั้น ควรใช้น้ำอุณหภูมิปกติล้างผ่านเครื่องฉีดน้ำ โดยนำมาฉีดล้างรถในบริเวณส่วนบนลงมาถึงส่วนด้านล้าง โดยฉีดให้สะอาดพอสมควร ต้องไม่ช้าหรือเร็วจนเกินไป และควรเน้นบริเวณซอกมุมที่ฝุ่นและคราบมักเกาะฝังแน่นด้วย สามารถใช้ เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง FLOW ขนาด 100 bar เพื่อฉีดล้างรถได้เลย
4. ใช้น้ำอุ่นเฉพาะตอนผสมน้ำยาล้างรถเท่านั้น
น้ำอุ่นควรใช้ในกรณีที่ต้องผสมน้ำยาล้างรถเท่านั้น โดยควรผสมกับน้ำอุ่นตามอัตราส่วนที่ระบุไว้ข้างขวด การผสมกับน้ำอุ่นก็เพื่อทำให้เกิดฟองจำนวนมาก เพราะน้ำอุ่นเป็นน้ำที่ลดความกระด้าง จึงทำให้เกิดฟองและเพิ่มประสิทธิภาพในการชะล้างคราบบนรถให้หลุดออกได้ดียิ่งขึ้น
5. ควรใช้ผ้าเช็ดรถมากกว่า 1 ผืน
เพราะผืนแรกจะใช้เช็ดคราบที่ฝังแน่นให้หลุดออกไป แต่ไม่ได้หมายความว่าจะสะอาดเลยทีเดียว จึงจำเป็นต้องใช้ผ้าผืนที่ 2 ที่ 3 เพื่อเช็ดทำความสะอาด หรือหากใช้ผ้า 3 ผืน อาจแบ่งพื้นที่การเช็ดไปเลย เช่น ผืนที่ 1 เช็ดรถด้านหลังคา ฝากระโปรง ผืนที่ 2 ใช้เช็ดตัวรถ และผืนสุดท้ายใช้เช็ดล้อรถ เป็นต้น
6. ใช้น้ำยากำจัดรอยเปื้อนเฉพาะจุด
หากยังพบว่ามีคราบฝังติดแน่น อาจใช้น้ำยากำจัดรอยเปื้อนสำหรับรถยนต์เพื่อเช็ดทำความสะอาดบริเวณนั้นให้สะอาด
7. เช็ดรถให้แห้งและสะอาดเป็นลำดับสุดท้ายเสมอ
เมื่อฉีดน้ำล้างรถในขั้นตอนสุดท้ายจนแน่ใจว่าสะอาดดีแล้ว ไม่ควรปล่อยให้รถแห้งเองเด็ดขาด ควรใช้ผ้าสะอาดเช็ดให้แห้งเพื่อป้องกันคราบต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น ช่วยลดความเสี่ยงจากฝุ่นหรือเม็ดทรายที่อาจปลิวมาเกาะ และยังช่วยป้องกันการทำลายสีของรถโดยไม่รู้ตัวอีกด้วย
ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับการล้างรถที่ควรรู้และทำความเข้าใจใหม่
บางเรื่องที่อาจเคยได้ยินได้ฟังมาเกี่ยวกับการล้างรถ ข้อใดควรทำ ข้อใดไม่ควรทำ จริงเท็จแค่ไหน มาพิจารณาดังข้อความต่อไปนี้
- ความเชื่อผิดๆ ที่ว่าการล้างรถกลางแดดจะทำให้สะอาดและแห้งเร็วนั้น เป็นคำกล่าวที่ไม่เป็นความจริงและไม่ควรกระทำอย่างยิ่ง เนื่องจากการล้างรถกลางแดดจะส่งผลให้น้ำที่ฉีดล้างแห้งเร็วกว่าปกติ ซึ่งทำให้เช็ดไม่ทัน ผลที่ตามมาคือ แทนที่รถจะสะอาดกลับทำให้เกิดคราบเพิ่มขึ้นรอบคันได้
- เย็นแล้วควรล้างรถเพื่อวันรุ่นขึ้นจะได้ขับรถที่สะอาด ใหม่เอี่ยม ความเชื่อข้อนี้ ไม่ควรทำตามอย่างยิ่ง เนื่องจากหากไม่มีแสงสว่างที่เพียงพอ อาจทำให้เช็ดไม่สะอาดและหลงเหลือคราบน้ำจำนวนมากในบางจุด จนส่งผลให้เกิดสนิมได้
- บางคนไม่ชอบล้างรถ มักใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดก็คิดว่าเพียงพอแล้ว แต่แน่ใจแล้วหรือว่าผ้านั้นสะอาดจริงๆ และแน่ใจแล้วหรือว่าผ้าที่ชุดน้ำมาเช็ดรถไม่มีเศษทรายเม็ดเล็กๆ เกาะอยู่ นอกจากการเช็ดรถจะไม่สะอาดแล้ว ยังเสี่ยงต่อการขูดขีดสร้างรอยให้กับสีบนตัวรถได้ หรือบางคนไม่ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดรถ แต่กลับใช้ไม้กวาดขนไก่มาปัดเศษฝุ่นแทน ซึ่งไม่ควรทำอย่างยิ่ง เหตุผลก็แบบเดียวกันกับการนำผ้าชุบน้ำมาเช็ดรถ ดังนั้น จึงควรพิจารณา ไตร่ตรองให้รอบคอบก่อนจะเช็ดหรือปัดกวาดบริเวณต่างๆ เพื่อป้องกันการสร้างรอยหรือคราบโดยไม่ตั้งใจ
- ไม่มีน้ำยาล้างรถ ใช้ผงซักฟอกหรือน้ำยาล้างจานก็ได้ คำกล่าวนี้นับว่าไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง เพราะจะทำให้รถสวยๆ ราคาหลักแสนหลักล้านหมองคล้ำ สีไม่สดใส ควรใช้น้ำยาล้างรถที่มีคุณภาพดีกว่า เพราะจะทำให้รถสะอาดสวยงามได้ตามต้องการอย่างแท้จริง
เมื่อล้างรถเสร็จแล้วก็มาดูวิธีเช็ดรถกันว่า เช็ดแบบไหนที่จะทำให้รถสะอาดจริงโดยไม่ทิ้งคราบสกปรกไว้ภายหลัง ซึ่งควรพิจารณาในเรื่อง ผ้าที่ใช้เช็ดรถ โดยควรเลือกผ้าที่มีความนุ่ม ไม่ทำให้เกิดรอยขีดข่วน เช่น ผ้าชามัวร์หรือผ้าไฟเบอร์ อีกประการที่ควรพิจารณาคือ ควรเช็ดรถจากด้านบนลงมาด้านล่าง เพื่อไม่ให้เกิดคราบน้ำหลงเหลืออยู่ นอกจากนี้ ยังมีบริเวณที่ต้องเช็ดให้สะอาดที่สุดเพื่อสร้างความมั่นใจของเจ้าของรถ และไม่รบกวนการทำงานของเครื่องยนต์ทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยจุดที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษคือ ด้านในฝาถังน้ำมัน ด้านในกระโปรงหลัง ด้านในขอบประตูทั้งหมด และบริเวณล้อแม็ก
การล้างรถ เหมือนกับการทำความสะอาดบ้านที่จะต้องใส่ใจเป็นพิเศษ และต้องพิจารณาในจุดที่อาจเกิดคราบหรือเกิดสนิมได้ง่าย นอกจากนี้ไม่ควรมักง่ายใช้ผ้าผืนเดียวเช็ดรถนานๆ โดยไม่ซักล้าง หรือใช้น้ำยาอะไรก็ได้ในการล้าง นอกจากจะไม่สะอาดแล้ว ยังทำให้รถคนโปรดเกิดความหมอง และเกิดคราบต่างๆ มากขึ้นกว่าเดิม